ข่าวกีฬาใหม่

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย ชื่นชม กัมพูชา แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม แม้ล่าสุดบุกมาพ่ายทัพช้างศึก 3-1 ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 ที่สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต วันที่ 2 มกราคม 2566

ชัยชนะดังกล่าวทำให้ช้างศึก ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในฐานะแชมป์กลุ่ม A ด้วยการมี 10 คะแนน ยิง 13 ประตูมากที่สุด และ เสียเพียง 2 ประตูน้อยที่สุดในกลุ่ม โดยจะรอพบทีมอันดับ 2 จากกลุ่ม B ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้ง เวียดนาม , สิงคโปร์ และ มาเลเซีย ที่จะทราบผลในช่วงค่ำ วันที่ 3 มกราคมนี้

ข่าวกีฬาใหม่

“มาดามแป้ง” ผู้จัดการทัพช้างศึก กล่าวหลังจบเกมว่า “ถ้าพูดตามตรงยังเป็นเกมที่ไม่สุดสำหรับแป้งที่เป็นผู้จัดการทีม ครึ่งแรกต้องยอมรับว่ากัมพูชามีพัฒนาการสูงมาก เล่นระบบดีมาก ครองเกมรับไว้ได้ทำให้เราเล่นยาก จนในที่สุดก็มาได้จุดโทษ และมีการเปลี่ยนตัวจนมาได้อีกสองประตู และยังเสียประตูให้กัมพูชาไปด้วย”

“อย่างไรก็ดี ก็ดีใจที่ทีมชาติไทย เข้าเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม แน่นอนนะคะว่าหากเทียบกับความรู้สึกกับปีที่แล้ว ปีนี้เหนื่อยมากกว่า ทั้งเรื่องผู้เล่น ที่สุดท้ายแล้วเราก็เข้าเป็นที่ 1 ของกลุ่มจนได้ พรุ่งนี้จึงจะทราบว่า เราจะได้เจอกับใครในสายบี ซึ่งก็ยากทั้งหมด การไปเยือนก่อนเป็นอะไรที่กดดันมาก จากเกมกับอินโดนีเซียจะเห็นว่าคนเยอะมาก”

“เหนือสิ่งอื่นใด อยากจะบอกกับแฟนบอลทุกท่าน ว่าเป็นผู้มีคุณูปการต่อวงการฟุตบอลไทย เวลาเราไปเยือนในสนามใหญ่ที่ไหนก็ตาม เชื่อว่าเสียงเชียร์ของแฟนบอลไทยย่อมส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของนักเตะด้วย ในฐานะผู้จัดการทีม อยากพาทีมไปให้ไกลที่สุด เชื่อว่าในเกมรอบรองฯ ในบ้าน วันที่ 10 มกราคม นั้น จะมีแฟนบอลเข้ามาเต็มสนามธรรมศาสตร์แห่งนี้”

นอกจากนี้ “มาดามแป้ง” ยังกล่าวถึงเรื่องการประกาศอัดฉีดไว้ล่วงหน้า 5 ล้านบาท กรณีที่ทีมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จว่า

“สำหรับการเข้ารอบนี้ แป้งได้อัดฉีด 5 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นกำลังใจสำคัญให้น้องๆ นักกีฬาทุกคน การเล่นในช่วงฟีฟ่าเดย์ และเทศกาลปีใหม่แบบนี้ ทุกคนก็เสียสละมาก หวังว่าทุกคนจะเต็มที่ในรอบรองฯ ที่กำลังจะมาถึง และกราบขอบคุณแฟนบอลไทยทุกคนด้วยที่ชมและเชียร์เรา”

สำหรับ โปรแกรมรอบรองชนะเลิศ ทีมชาติไทย เตรียมบุกไปเยือนคู่แข่งก่อน วันที่ 7 มกราคม 2566 จากนั้นจะกลับมาเล่นในบ้าน วันที่ 10 มกราคม 2566 ที่สนามกีฬาธรรมศาสตร์ รังสิต ข่าวกีฬาแนะนำ>>> หัวจะปวด! “พ็อตเตอร์” ระบุแล้วว่า “ก็องเต” ต้องพักอีกนานแค่ไหน?